Fraxel Laser เป็นเลเซอร์ Gold Standard เครื่องเดียวและเครื่องแรกโดยใช้หลักการ Fractional Photothermolysis ที่ใช้ในการ รักษาฝ้า จุดด่างดำ รักษาริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดและซ่อมแซมผิวหนังที่ปลอดภัย และทันสมัย
ขั้นตอนการทำงานของFraxel Laser
หลักการของ Fraxel laser คือ การปล่อยคลื่นแสงในช่วง mid infrared ลงไปใต้ผิวเป็นจุดเล็กมากๆนับพันจุด ต่อตารางเซนติเมตร อีกทั้งสามารถปรับระดับการรักษาให้เป็นเปอร์เซนต์ครอบคลุมต่อพื้นที่ เพื่อลดอาการบวมแดง ลดผลข้างเคียงต่างๆ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนกว่าเดิมอีกด้วย คลื่นแสงจะลงไปยังบริเวณผิวหนังในระดับที่พอดีกับ การสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น หากต้องการรักษาฝ้า จุดด่างดำ ก็จะปล่อยแสงลงไปใต้ผิวหนังระดับตื้น แต่หากต้องการรักษา แผลเป็นจากสิว หรือริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็จะต้องปล่อยแสงลงไปในระดับลึกถึงชั้นโครงสร้างคอลลาเจน โดย Fraxel laser สามารถส่งผ่านแสงเลเซอร์ลงไปลึกถึง 1400 ไมครอน โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกว่าการรักษาแบบต่างๆควรจะให้แสงเลเซอร์ ลงไปลึกสู่ผิวลึกแค่ไหน เมื่อแสงสัมผัสกับผิวจะเกิดประกฎการณ์ Fractional Photothermolysis ขึ้นและ ณ ตำแหน่งนั้นเอง เซลล์เก่าจะแปลสภาพเป็นเซลล์ที่ตายไป ซึ่งจะถูกผลักให้หลุดออกไปภายใน 1-2 สัปดาห์ และมีเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่
ปัญหาแก้ไขด้วยFraxel leser
•ริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆทุกบริเวณ
•ฝ้า จุดด่างดำ และสภาพผิวที่เสื่อมโทรมตามวัย ทุกบริเวณทั่วร่างกาย
•รอยแผลเป็นจากสิว รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
•รูขุมขนกว้าง
•ผิวหน้าหยาบกร้านไม่เรียบเนียน
•การสร้างผิวใหม่ (Resurfacing)
นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาปัญหาผิวแตกลาย ได้ดีมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
การเตรียมตัวก่อนทำ Fraxel laser
1.งดใช้ยาในกลุ่มวิตมิน A เช่น Glycolic acid and Retin A เป็นต้น
2.ทายาก่อนทำ Fraxel ก่อน 45 นาที
3.ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ทำ Fraxel laser ให้สะอาด
ขณะทำการรักษาด้วย Fraxel laser
จะรู้สึกแสบร้อนๆในบริเวณที่ทำการรักษา และจะได้ยินเสียงการทำงานของดังตลอด ในการทำจะต้องทำหลายรอบ รอบแรกๆจะยังไม่รู้สึกแสบร้อนมาก แต่รอยหลังๆจะรู้สึกแสบร้อนมาก ในขณะทำจะมีการเป่าลมเย็นด้วย หลังการทำจะต้องเป่าลมเย็นบริเวณที่ทำอย่างน้อย 30 นาที ผิวบริเวรที่ทำจะมีอาการแดงบวมอยู่ประมาณ 8 ชั่วโมง
คำแนะนำสำหรับการทำ Fraxel laser
อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังทำการรักษา หลังทำการรักษาด้วย Fraxel อาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น โดยระยะเวลาและระดับอาการของผลข้างเคียงขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้ในการรักษาและกระบวนการซ่อมแซมของผิวหนัง ในแต่ละบุคคล โดยปรกติผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยพลังงานที่สูงมักจะมีระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียงที่นานกว่า และในบางรายอาจมีอาการไข้เกิดขึ้น โปรดแจ้งแก่แพทย์ผู้ทำการรักษาหากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาสำหรับคนไข้
1.Swelling : อาการบวมมักเกิดขึ้นในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นหลังจากทำการรักษา โดยเฉพาะบริเวณใต้ดวงตาปรกติจะคงอยู่ประมาณ 2-3 วันเพื่อลดอาการดังกล่าวสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้
•หลังทำการรักษาให้ประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษาเป็นระยะเวลา 10 นาที ทุกๆ1 ชม. จนกระทั้งเข้านอน
•ในคืนแรกหลังทำการรักษาให้นอนศีรษะสูง
2.Redness : โดยทั้งไปอาการผิวหน้าแดง มักเกิดในสัปดาห์แรกหลังทำการรักษา แต่บางครั้งอาการผิวหน้าแดงเล็กน้อยอาจยังคงอยู่มากกว่า 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถแต่งหน้าลบเลือนรอยแดงได้ตามปรกติ
3.Dry skin : อาจมีอาการผิวแห้ง ผิวเป้นขลุ่ย หรือเป็นสะเก็ด หรือมีอาการคล้ายผิวหน้าสาก ๆประมาณ 2-3วันซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากกระบวนการผลัดเซลล์ขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ผิวเดิม
4.Bronzing , Crusting and Small Dark Dots : การรักษาด้วย Fraxel leser จะมีการทำลายผิวเป็นลักษณะทรงกระบอกแทงลงที่ผิวในลักษณะกระจายกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจทำให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษามีสีคล้ำขึ้นหรือที่เรียกว่าปฏิกิริยา MENDs หรือในบางรายที่ใช้พลังงานในการรักษาสูง อาจมองเห็นที่ผิวชัดเจนขึ้นว่าเป็นจุดเล็กๆสีดำ โดยปรกติหากเป้นบริเวณผิวหน้ามักจะหายไปภายใน 7-10 วันหากเป้นบริเวณร่างกายอาจอาจใช้เวลานานสุดประมาณ 3 สัปดาห์อาการดังกล่าวจึงหายไป
5.Raw Skin : หลังทำการรักษาในระยะเวลาของการผลัดเซลล์ผิว ควรใช้ครีมชุ่มชื้น เช่น Aquaphor หรือ Bacitracin หรืออื่นๆห้ามแกะผิวที่เป็นสะเก็ด ควรให้มีการผลัดผิวตามกระบวนการปรกติเพียงใช้ครีมชุ่มชื้นตลอดระยะเวลาของการผลัดเซลล์ผิวใหม่ก็เพียงพอ
การปฏิบัติตัวก่อน-หลัง
• Skin Care Product : ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ในสัปดาห์แรกหลังทำการรักษา ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายผิวและไม่อุดตัน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน อาทิเช่น Aveeno , Dove , Neutrogena and Cetaphil
• Sunscreen : ควรใช้ครีมกันแดดที่ SPF มากกว่า 30 และครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB ควรทาครีมก่อนออกจากบ้านประมาณ 20 นาที และหากอยู่ในที่แจ้งควรทาซ้ำ ทุกๆ 2 ชั่วโมงและหากอยู่กลางแดดควรสวมหมวก หรือเสื้อผ้าที่ปกคลุมบริเวณที่ทำการรักษา
• Moisturizer : ควรทาครีมชุ่มชื้นที่ไม่ระคายเคืองและไม่อุดตัน บริเวณที่ทำการรักษา ตลอดระยะเวลาของการรักษา เพื่อให้ได้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่สมบูรณ์ที่สุด
• Scrubs , Toners , Glycolic acid and Retin A : ในระยะสัปดาห์แรกของการรักษาผิวจะค่อนข้างบอบบางและระคายเคืองง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้
• Bleaching Cream : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในระยะหลังทำการรักษา ควรรอให้ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนก่อนประมาณ 3 สัปดาห์ หมั่นสังเกตผิวใหม่ที่ขึ้นมาทดแทนผิวเดิม หากคนไข้มีประวัติการเป็น Cold Sores ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการดูแลผิว
No comments:
Post a Comment