การดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรม

ภาพโดย : estore.kinsmedic.com

ในสมัยนี้การทำศัลยกรรมเป็นเรื่องธรรมดามาก ใครๆเขาก็ทำกัน แต่นิยมทำกันมากคือการทำจมูก อยากมีดั่งโด่ง  คนที่เริ่มทำศัลยกรรมส่วนใหญ่เริ่มที่การทำจมูก  ตา ปาก ทำคาง หน้าวีเซฟ ร้อยไหมยกกระชับผิวหน้า ทำคิ้วสามมิติ หกมิติ เพราะคิดคือมงกุฎของหน้า ทั้งหมดที่กล่าวก็เพราะผู้หญิงหยุดสวยไม่ได้

แต่งก่อนที่เราจะทำสวย สิ่งที่สำคัญเลยจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆให้มาก  จากนั้นหาสถานพยาบาลที่มี

มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญการ จากนั้นเตรียมเงิน เวลาและเตรียมตัว เตรียมใจ ให้พร้อม  เพราะหลังทำศัลยกรรมจะต้องพักดูแลตัวเอง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ไม่ควรพบปะผู้คน เพราะหลายคนหลายความคิด อาจโดนเพื่อนทักโน่น นี้ นั้น อาจทำให้ขาดความมั่นใจกันได้เลยทีเดียว  

ขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรม

1.การประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมและฟกช้ำ

หลังการทำศัลยกรรม จะต้องมีการประคบเย็น เช่น การทำจมูก ต้องประคบเย็นโดยใช้น้ำแข็ง หรือ cold  pack ประคบรอบๆแผล ทุก 15 นาที ช่วง 24 ชั่วโมงหลังทำต้องมีประคบ เพื่อลดอาการบวมและลดเลือดออกใต้ผิวหนัง           การบวมและฟกช้ำมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังผ่าตัด แต่งต้องการให้อาการบวม ฟกช้ำ หายเร็วขึ้น ควรทานวิตามิน ซี  วิตามิน เค ช่วย แต่งจากประสบการณ์ตรง ใช้ นี้เลย เรพาริลเจล ทาบริเวณที่มีอาการฟกช้ำ หายได้เร็วมาก

2. การดูแลแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด  การดูแลแผลคุณหมอจะแนะนำพร้อมให้อุปกรณ์มาทำแผล เช่น พันสำลี น้ำเกลือ เบตาดีน หรือยาทาฆ่าเชื้อ ห้ามให้แผลถูกน้ำ ระวังเรื่องเหงื่อ ถ้ามีการติดพาสเตอกันน้ำเข้า ก็ให้ระวังเรืองเหงื่อให้มาก อาจทำให้แผลอักเสบได้   ดังนั้นไม่ควรอยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือออกกำลังกาย เรื่องการติดเชื้อสำคัญนะ เพราะแทนที่ทำศัลยกรรมแล้วจะสวยมันเน่าเลอะก็ได้

3.การรับประทานยา                       

การรับประทานยาหลังทำศัลยกรรมโดยมากยาที่จะได้รับหลังทำศัลยกรรม เช่น ยาลดบวม ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาสำหรับทาแผลอื่นๆ

ยาฆ่าเชื้อควรทานให้ครบตามที่หมอสั่ง

4.ปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด เช่น ให้นอนศีรษะสูงสำหรับคนที่ทำจมูก คาง การนวดสำหรับคนที่เสริมหน้าอก

และสุดท้ายต้องสังเกตตัวเองว่ามีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นไหมเช่น ปวดแผลมากผิดปกติ หากมีอาการไม่พึงประสงค์ควรรีบไปพบแพทย์

Juvederm Filler เติมเต็มร่องลึก

Juvederm เป็นสารฉีดเติมเต็มอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมใช่กันในปัจจุบัน ช่วยเติมเต็มรอยบุ๋มขนาดปาน กลางๆของผิวหนัง โดยการฉีดเข้าชั้น mid- dermis นอกจากนั้นยังสามารถเติมริมฝีปากให้เอิบอิ่มสวยงามได้ด้วย

ประโยชน์ของ Juvederm

•  ในขบวนการผลิต juvederm  มีการผสมยาชาเข้าไปในโมเลกุลของhyaluronic acid เรียบร้อย ทำให้ขณะฉีดมีความรู้สึกเจ็บน้อยมาก จนแทบไม่รู้สึกเลย คนไข้จะรู้สึกสบายมากขึ้นในขณะฉีด

• โมเลกุลของ hyaluronic acid ที่เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แขวนลอยอยู่กับตัวนำพาเหมือน fillers ตัวอื่นๆ ทำให้ Juvederm อยู่ได้นานไม่สลายจากผิวหนังเร็วเกินไป ลดโอกาสเกิดก้อนหรือผิวไม่เรียบหลังการฉีด

•  Juvederm ลดโอกาสการกระจายตัวหรือออกไปสู่บริเวณข้างเคียงได้ค่อนข้างมาก

• Juvederm มีความเข้มข้นของปริมาณ hyaluronic acid ต่อ 1 มิลลิลิตร (ml)

วิธีการใช้ยา

• Juvederm ใช้ฉีดเข้าผิวหนังชั้น dermid หรือเยื่อบุริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มให้ผิวดูสวยงาม ควรใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนเทคนิคการฉีดเท่านั้น

ข้อควรระวังหรือข้อปฏิบัติตัวหลังการฉีด Juverderm

• การปฏิบัติตัวตามคำแนะนำจะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากการฉีดมากที่สุด

• ภายใน 12 ชั่วโมงแรก งด การใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า

•   ภายใน 2 สัปดาห์แรก เลี่ยง การอยู่ในที่ร้อน เช่น แตกแดด หรือ อบซาวน่า และการได้รับรังสียูวี

                 เลี่ยงการอยู่ในที่เย็นจัด เช่น การเล่นสกี

•   พบแพทย์ หลังฉีด juvederm แพทย์จะนัดพบอีกครั้งภายใน 2สัปดาห์ เพื่อตรวจติดตามผล และอาจมีการฉีดเพิ่มในกรณีจำเป็น

สังเกตอาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น

ควรรีบไปพบแพทย์หากเกิดอาการเหล่านี้  

•     การอักเสบ ( บวม แดง ผื่นคัน ) หรืออาการปวดซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังการฉีด 1 สัปดาห์

•     อาการห้อเลือด เนื้อเยื้อแข็งตัว ผิวหนังเปลี่ยนสี ฝี หรืออาการผิดปกติอื่นใดซึ่งเรื้อรังนานกว่า 1 สัปดาห์

Juvederm จะมีประสิทธิภาพอยู่ได้นานนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยในแต่ละราย  ผู้ป่วยจึงควรพบแพทย์เป็นระยะ

AHA ( glycolic acid) ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว

AHA หรือ Alpha hydroxy acid เป็นกรดอินทรีย์ที่พบในธรรมชาติ  ปัจจุบันได้มีการผลิตสังเคราะห์ เพื่อนำมาใช้เป็นเวชภัณฑ์สำอางค์ AHA ที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติ ได้แก่ Glycolic acid หรือ Lactic acid พบได้ในผลไม้, Malic acid พบได้ใน แอปเปิ้ล และ Tartaric acid พบได้ในองุ่น ในปัจจุบันได้มีการสังเคราะห์ AHA และผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์หลายชนิดโดยมีความเข้มข้นแตกต่างกัน โดยที่มีคุณสมบัติช่วยในการลดริ้วรอยบนใบหน้า ความเข้มข้นสำหรับการใช้นั้น มีตั้งแต่ 3%-15% สำหรับให้ผู้ป่วยไปใช้ที่บ้าน และ 30%-70% สำหรับการลอกผิวที่ต้องการผลที่มากกว่า ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

การดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

ผิวที่แตกต่างกัน ย่อมต้องการดูแลก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตตนเอง ไม่ควรเลือกใช้เพราะเพื่อนแนะนำ หรือตามคำโฆษณาต่างๆ  เพราะแม้ว่าผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหนแต่หากไม่หมาะกับสภาพผิวก็ทำอาจให้ผิวแย่ลงหรือไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ได้ แต่ในสมัยนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวและแบ่งไปตามลักษณะของผิวทำให้เลือกซื้อได้ตามความต้องการและไม่ยุ่งยาก

Medlite C6 แก้ปัญหากระ ลบรอยสัก

Medlite c6 Laser    คือ เลเซอร์ชนิดพิเศษความยาวคลื่น 1064 ที่มีคุณสมบัติในการรักษา กระลึก กระแดด

 ปานดำและรอยสัก ถือเป็นเลเซอร์ที่จำเพาะต่อเม็ดสีดำมากที่สุด ที่เรียกว่า Q-Switched Laser จะเข้าไปเลือกทำลายเฉพาะเซลล์เม็ดสดำที่อยู่ในผิวชั้นลึก เม็ดสีที่ถูกทำลายแล้วจะแตกตัว Medlite C6 ไม่ทำให้เกิดแผลหลังทำ   ปัญหาการสะสมของเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติในชั้นผิวหนัง โดยเลเซอร์จะตรงเข้าทำลายเม็ดสีที่สะสมผิดปกติ ลำแสงพิเศษนี้ซึ่งถูกสรรสร้างโดย MedLite จะกำจัดเม็ดสีที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไป MedLite C 6 เลเซอร์  

ใช้ในการแก้ปัญหา ฝ้า กระ กระลึก ลบรอยสัก ปาน  รอยดำสิว จุดด่างดำต่างๆ ริมฝีปากดำ  ขอบตาคล้ำ  รักแร้ดำ กำจัดขน  และสิ้วเสี้ยนให้จุดกระฝ้า รอยด่างดำต่างๆดูจางลง

สมุนไพรอบไอน้ำ

ช่วยในการทำความสะอาดผิว ทำให้สารที่ตกค้างในผิวลดลง ช่วยกระชับรูขุมขนทำให้รูขุมขนกระชับได้

ช่วยให้ผ่อนคลายจากกลิ่นสะระแหน่ ทำให้สดชื่น

สวยตามธาตุเกิด

     ·       ธาตุดิน

ผู้หญิงธาตุดินเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงและรักธรรมชาติมาก การดูแลความสวยงามควรเริ่มต้นด้วยการให้เวลากับตัวเองกับการนวดหน้าขัดตัวบ้าง จัดแต่งทรงผมใหม่ และเติมสีสันให้กับใบหน้าให้อินเทรนด์มากยิ่งขึ้น

·       ธาตุน้ำ

ผู้หญิงธาตุน้ำเป็นคนรักสวยรักงามอยู่แล้วแต่การดูแลความงามเฉพาะตัวนั้น ควรระวังเรื่องการชอบรองของใหม่ มากเกินพอดี เพราะจะทำให้เกิดปัญหาได้ หรืออาจทำให้ไม่มีเอกลักษณ์ในความงามทีเป็นตัวเอง

การออกกำลังกายเป็นอีกเคล็ดลับวิธีหนึ่งที่จะทำให้ผู้หญิงธาตุน้ำมีความมั่นใจในความสวยของตัวเองมากขึ้น

·       ธาตุลม

ผู้หญิงธาตุลมค่อนข้างใช้ความคิดเปลือง เพราะเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย มีจินตนาการสูง และไม่เคยอยู่นิ่งได้นาน การดูแลความสวยความงามจึงเริ่มต้นที่การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ได้ 7-8 ชั่งโมง อย่างที่เรียกว่า Sleeping beauty  กินผักและผลไม้ให้มากๆ บำรุงผิวให้มากๆ เพราะสาวธาตุลมจะมีปัญหากับผิงพรรณได้ง่ายมาก

·       ธาตุไฟ

ผู้หญิงธาตุไฟดูเหมือนสาวกล้าแต่งตัวสวยอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วมีหลายครั้งที่ผิดที่ผิดทางอยู่บ้าง การดูแลความงามควรเน้นหนักที่ความนุ่มเนียนละเอียดอ่อน ในทุกๆทาง เพื่อลดความแรงของการแต่งตัว และบุคลิกภาพบ้าง  เช่น ทาปากสีอ่อน ทำเล็บมือ เล็บเท้าและทาสีเปลือย ปล่อยผมให้ยาวอีกสักนิด และใส่ส้นสูงกับกระโปร่งหวานๆบ้าง จะช่วยบุคลิกดูดีมากขึ้น

·       ธาตุไม้

ผู้หญิงธาตุไม้เป็นอารมณ์ลุ่มลึก และสนใจในเรื่องสวยๆงามๆอยู่แล้ว การดูแลความงามควรเริ่มต้นที่การทดลองอะไรใหม่ๆ เปลี่ยนทรงผมใหม่ ยอมรับคำชวนของเพื่อนๆ ไปนวดตัว ไปสปาแทนทีจะอยู่กับบ้านในวันหยุด

·       ธาตุโลหะ

ผู้หญิงธาตุโลหะเป็นคนที่มีทั้งความแรงและความเงียบเหงา การดูแลความงามจึงควรเริ่มต้นที่พาตัวเองไปนวดเพื่อให้รู้สึกสนุกสนานกับการดูแลตัวเองอย่างมีสมาธิมากขึ้น และเป็นการคลาย

เครียดแบบสวยๆสบายใจ

สูตรผิวคอเนียนกระชับ

ส่วนผสม

 ไข่ไก่ (ไข่ขาว)                      1     ฟอง    

 นมสด                                 1    ช้อนโต๊ะ

 น้ำผึ้ง                                  2     ช้อนชา

 การบูร                                 2      ช้อนชา

วิธีปฏิบัติ

·       นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด

·       อาบน้ำล้างหน้าให้สะอาด และซับผิวให้แห้งโดยเฉพาธบริเวณลำคอ

·       จากนั้นพอกส่วนผสมที่ทำไว้ให้ทั่วบริเวณลำคอพร้อมกับนวดคลึงไปด้วย แบบเบาๆมือ

·       เสร็จแล้วนั่งให้นิ่งๆ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ซับให้ผิวพอหมาด

·       จากนั้นทาด้วยมอยเจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หากจะต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดด้วย

สูตรผิวหน้ากระจ่างใส่

ส่วนผสม

โยเกิร์ตแบบธรรมดา                                   ½          ถ้วย

น้ำส้ม                                                        2          ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว                                                  2          ช้อนโต๊ะ         

วิธีปฏิบัติ

·       นำส่วนผสมทั้งหมดมาเทรวมกัน จากนั้นคนให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน

·       ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด  และซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด

·       พอกหน้าด้วยส่วนผสมที่จัดเตรียมไว้ให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตา

·       ห้ามขยับเขยื้อนใบหน้าในขณะที่พอกหน้า จากนั้นรอจนกว่าส่วนผสมที่พอกหน้าจะแห้ง

·       ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ซับหน้าให้แห้ง ทามอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นอันเสร็จพิธี

**หากต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 30 นาที ทุกครั้ง**

ประโยชน์ของไบโอตีน(Biotin)

ไบโอตีนเป็นวิตมินที่ช่วยในการเผาผลาญ เช่นเดียวกับวิตามิน 12 และกรดแพนโทเดอนิค ตามปกติแล้วในอาหารจะมีไบโอตีนที่พอเพียงกับร่างกายอยู่แล้ว แต่ก็มีบางกรณีที่ทำให้ขาดไบโอตีนได้

หน้าที่และประโยชน์ของไบโอตีน

·       ไบโอตีนช่วยในการเผ่าผลาญอาหาร สารอาหารที่ไบโอตีนช่วยในการเผ่าผลาญจะเป็นจำพวกไขมันและกรดอะมิโน

·       ช่วยบำรุงผิงพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ

·       ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ประเภทนอนไม่หลับ หรือมีอาการซึมเศร้า

แหล่งอาหารที่มีไบโอตีน

ตับ และไตสัตว์ เนยแข็ง ขนมปังโฮวีต โยเกิร์ต ไข่แดง ผลไม้ต่างๆ ยีสต์ และเนยถั่วลิสง

ร่างกายของคนเราต้องการไบโอตีนเพียงวันละ 150 ไมโครกรัม  ดังนั้นการขาดไบโอตีนจึงมีน้อยมาก

ลักษณะการขาดไบโอตีน

จะมีอาการผมร่วง ผิวหนังเป็นเกล็ด มีผื่น เบื่ออาหาร และปวดกล้ามเนื้อ

สาเหตุของการขาดไบโอตีน

·       ชอบกินไข่ดิบเป็นประจำเพาระไข่ดิบจะไม่รวมตัวกับไบโอตีนทำให้การย่อยและดูดซึมในกระเพาะและลำไส้ให้ทำงานได้ไม่ดี ดังนั้นควรรับประทานไข่ต้มสุกจะเป็นการดีกว่า

·       การกินยาปฏิชีวนะเป็นประจำหรือกินเกินความจำเป็น ปกติแล้วแบคทีเรียในลำไส้ของเราจะสามารถสร้างไบโอตีนขึ้นมาได้เองแต่หากมีการกินยาปฏิชีวนะในปริมาณมาก ยาปฏิชีวนะจะทำลายแบคที่เรียที่สร้างใบโอตีน  ทำให้ไม่สามารถสร้างไบโอตีนได้

คนส่วนใหญ่จะรู้จักประโยชน์ของไบโอตีนในด้านการบำรุงเส้นผมและเล็บ กระตุ้นกาเจริญเติบโตของผมและเล็บ ดังนั้นจึงรับประทานไบโอตีนในช่วงที่อยากให้ผมยาวเร็ว เล็บยาวเร็ว หรือช่วงที่เล็บเปราะเป็นต้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอตีนจึงเป็นที่ต้องการอยากมากในปัจจุบัน   ไบโอตีนมีประโยชน์ต่อร่างกายก็จริงหากรับประทานติดต่อกันระยะยาวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์จะดีกว่านะ