Sunday, December 2, 2012

AHA ( glycolic acid) ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว


AHA หรือ Alpha hydroxy acid เป็นกรดอินทรีย์ที่พบในธรรมชาติ  ปัจจุบันได้มีการผลิตสังเคราะห์ เพื่อนำมาใช้เป็นเวชภัณฑ์สำอางค์ AHA ที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติ ได้แก่ Glycolic acid หรือ Lactic acid พบได้ในผลไม้, Malic acid พบได้ใน แอปเปิ้ล และ Tartaric acid พบได้ในองุ่น ในปัจจุบันได้มีการสังเคราะห์ AHA และผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์หลายชนิดโดยมีความเข้มข้นแตกต่างกัน โดยที่มีคุณสมบัติช่วยในการลดริ้วรอยบนใบหน้า ความเข้มข้นสำหรับการใช้นั้น มีตั้งแต่ 3%-15% สำหรับให้ผู้ป่วยไปใช้ที่บ้าน และ 30%-70% สำหรับการลอกผิวที่ต้องการผลที่มากกว่า ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์


ประโยชน์ของ AHA 1. ช่วยพลัดเซลล์ทำให้ผิวเรียบเนียน
2. ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้น
3. ขจัดสิวอุดตัน และทำความสะอาดรูขุมขน ทำให้สิวลดลงได้
4. ขจัดปัญหาน้ำมันซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
5. การเตรียมตัวก่อนทำ AHA Treatment
การทำ AHA Treatment สามารถทำได้ทุกส่วนในร่างกาย เช่น หน้า คอ แขน ขา หลัง รักแร้ หัวเข่า ข้อศอก หลังมือ หลังเท้า เป็นต้น การทำ AHA Treatment ไม่ต้องเตรียมอะไรมากมาย สามารถทา AHA ลงไปที่ผิวได้เลยจากนั้นให้รอให้ AHA ทำปฏิกิริยากับผิว
ความเข้มข้นและระยะเวลาที่ทำ AHA Treatment
  • AHA 30 % ใช้ทาบริเวณ หน้า คอ รักแร้ ขาหนีบ ให้ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที หากเป็นคนผิวแห้งให้เริ่มที่ 3 นาทีก่อน ให้สังเกตบริเวณผิวที่ทา AHA ว่ามีอาการแดง หรือไม่ หากมีอาการแดงมากให้รีบล้างนำออกทันทีให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง แต่ถ้าเป็นคนผิวมันก็สามารถเพิ่มเวลาในการได้ทิ้งไว้ให้นานได้เพราะคนผิวมันผิวจะทนต่อความเป็นกรดได้มากกว่าคนผิวแห้ง
  • AHA 50% ใช้ทาบริเวณที่ผิวตัว เช่น แขน ขา หลัง หน้าท้อง หลังมือ หลังเท้า เป็นต้น ให้ทาทิ้งไว้ 10-20 นาที หากมีปฏิกิริยามากไป คือมีอาการคัน และแดงมากให้รีบล้างออกทันทีให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง เวลาอาจเพิ่มหรือลดได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
  • AHA 70% ใช้ทาบริเวณที่มีผิวหนังหนาๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า เป็นต้น ให้ทางทิ้งไว้ 10-30 นาที หากมีปฏิกิริยามากไป คือมีอาการคัน และแดงมากให้รีบล้างออกทันทีให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
ขณะทำ AHA Treatment
จะรู้สึกแสบๆ คันๆ บริเวณที่ทา AHA มันคือการทำปฏิกิริยาของกรด หากมีอาการมากให้รีบล้างออให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง การทำ AHA Treatment ควรสังเกตสภาพผิวขณะทำให้ดี หากผิวบริเวณที่ทา AHA แดงมาก หรือ แสบมาก ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเย็นให้สะอาด ซับให้แห้ง และประคบเย็นจนกว่าอาการแสบจะลดลง  
การปฏิบัติตัวหลังทำ AHA Treatment
ห้ามเกา หรือขัด ผิวบริเวณที่ทำ AHA Treatment เพราะผิวอาจแห้ง และลอกเป็นขุยๆ ได้ให้ทาโลชั่น ครีม ที่มีมอยเจอร์ไลเซอร์ที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น และจะต้องทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 30 นาที่เสมอ เพราะผิวจะไวต่อแสงมากเป็นไปได้ให้เลี่ยงแสงแดด  
ข้อแนะนำ  :  AHA ( glycolic acid) มีโมเลกุลเล็กที่สุด ทำให้สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และนิยมนำมาใช้ในการทำ  Treatment ตามสถานความงามต่างๆ ราคาก็ไม่แพงมาก  ราคาก็ประมาณ 100-1500 บาท ราคาขึ้นอยู่กับสถานเสริมความงามแต่ละที่ และพื้นที่ผิวที่จะทำ เช่นผิวหน้ากับที่ขาราคาอาจแตกต่างกัน AHA  Treatment สามารถทำได้เองที่บ้าน
** ควรทำ AHA Treatment  ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง  สำหรับคนผิวมันสามารถทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง **
  • ข้อควรระวัง : กรณีที่เกิดการ BURN คือ จะเกิดเป็นวงขาวซีดขึ้นบริเวณที่ทำมีอาการแสบร้อนมากผิวบริเวณรอบๆจะมีสีแดง AHA  Treatment สามารถทำให้ BURN หากทิ้งไว้นาน หรือบริเวณที่ทำมีแผล  หากเหตุการณ์นี้ขึ้นรีบล้างออกด้วยน้ำเย็นๆ ประคบเย็น จากนั้นให้ทายา  Diprotop* (ointment) บางๆที่รอย BURN ยานี้เป็นยาทาใช้สำหรับอาการบวม แดง คัน หรืออาการแพ้บริเวณผิวหนัง ประมาณ1-2 ชม.อาการจะค่อยๆดีขึ้น หากมีอาการมาก หรือแพ้ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง
  • ในกรณีผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง หรือผิวมีบาดแผล หรือเป็นสิวอักเสบ ควรงดเว้นการทำ AHA  Treatment  ขณะทำที่บริเวณหน้าระวังสารเข้าตา  ให้เว้นบริเวณขอบจมูก รอบดวงตา รอบปาก เพราะบริเวณที่ผิวบอบบาง
** Diprotop* (ointment) เป็นยาในกลุ่มสเตียลอยห้ามใช้ติดต่อกัน  ควรใช้1-3 ครั้งแล้วหยุดยา ***


No comments:

Post a Comment